โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs)

หากไม่ได้รับการรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงในระยะยาวได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs)

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) คือการติดเชื้อที่แพร่ระหว่างมีกิจกรรมทางเพศกับผู้ที่มี STI อยู่แล้ว หากไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย ซึ่งรวมถึง การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด (อวัยวะเพศสอดเข้าไปในช่องคลอด), ทางทวารหนัก (อวัยวะเพศสอดเข้าไปในทวารหนัก) และทางปาก (การเลีย ดูด หรือจูบอวัยวะเพศของคู่นอน) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) สามารถแพร่ได้ผ่านของเหลวทางเพศ (เช่น น้ำอสุจิ หรือ ‘น้ำ cum’ และน้ำหล่อลื่นในช่องคลอด), การสัมผัสทางผิวหนัง, และเลือด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ที่เกิดจากแบคทีเรีย, ไวรัส หรือปรสิต

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลายประเภท โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยได้แก่:

  • หนองในเทียม
  • เริมที่อวัยวะเพศ และ หูดที่อวัยวะเพศหรือหูดหงอนไก่
  • หนองในแท้
  • โรคตับอักเสบบี และ โรคตับอักเสบซี
  • เอชไอวี
  • ซิฟิลิส
  • โรคติดเชื้อทริโคโมแนสหรือโรคพยาธิในช่องคลอด และ โลน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิดสามารถรักษาได้ หากไม่ได้รับการรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาวได้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ประเภทต่าง ๆ โปรดไปที่ International Students Health Hub หรือ Play Safe

ป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร

arrow

วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ คือ การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
ซึ่งหมายถึงการใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย เมื่อมีเพศสัมพันธ์ทุกประเภท ซึ่งรวมถึง:

  • เพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด
  • เพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
  • ออรัลเซ็กซ์

ถุงยางอนามัยและแผ่นยางอนามัยคืออะไร

arrow

ถุงยางอนามัยและแผ่นยางอนามัย ใช้เพื่อลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยป้องกันการติดเชื้อจากสารคัดหลั่งในร่างกาย
ขณะมีกิจกรรมทางเพศ และลดการสัมผัสผิวหนังระหว่างของคุณกับคู่นอน การป้องกัน 3 วีธีดังต่อไปนี้:

  • ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย (external condoms) ใช้สวมลงบนองคชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
  • ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง (internal condoms) ใช้สอดเข้าไปในช่องคลอด
  • แผ่นยางอนามัย (dams) คือแผ่นยางลาเท็กซ์ที่ใช้วางระหว่างปากกับช่องคลอดหรือทวารหนักระหว่างการมี
    เพศสัมพันธ์ทางปาก

ถุงยางอนามัยผู้ชายหาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และแม้แต่ปั๊มน้ำมัน

อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร

arrow

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิดไม่แสดงอาการใด ๆ เลย บางทีมีอาการเล็กน้อยมาก ๆ โดยอาการที่แต่ละบุคคล
อาจมีจะขึ้นอยู่กับว่าติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ STI ชนิดใด และอาจรวมถึง:

  • รู้สึกเจ็บหรือแสบ ขณะมีเพศสัมพันธ์หรือปัสสาวะ
  • มีแผล ตุ่มนูน หรือผื่นบริเวณหรือรอบ ๆ ช่องคลอด องคชาต อัณฑะ ทวารหนัก ก้น ต้นขา หรือปาก
  • มีของเหลวผิดปกติหรือมีเลือดออกจากองคชาตหรือช่องคลอด
  • อัณฑะบวม หรือรู้สึกเจ็บ
  • มีอาการคันบริเวณช่องคลอดหรือรอบ ๆ
  • มีประจำเดือนมาผิดปกติ หรือมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs)) เข้าไปที่เว็บไซต์ healthdirect.

จะรู้ได้อย่างไรว่าฉันมีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

arrow

วิธีเดียวที่จะรู้ว่าคุณติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ ก็คือเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการเพื่อเข้ารับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร

arrow

คุณสามารถตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่แพทย์หรือคลินิกสุขภาพทางเพศใกล้บ้าน การตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นรวดเร็ว ง่าย และสำคัญต่อสุขภาพของคุณ ใช้เพียงตัวอย่างปัสสาวะ ป้าย swab หรือการตรวจเลือด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผลตรวจจะถูกเก็บเป็นส่วนตัวและเป็นความลับ

ไปที่ healthdirect หรือโทร NSW Sexual Health Infolink ที่หมายเลข 1800 451 624 เพื่อค้นหาแพทย์ที่เหมาะกับคุณ หากคุณต้องการล่าม สามารถติดต่อ Translating and Interpreting Service (TIS) ก่อน ที่หมายเลข 131 450.

ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจ

arrow

คุณควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน (ไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือแผ่นยางอนามัย) ถุงยางอนามัยฉีกขาดหรือลื่นหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือคุณสังเกตได้ถึงอาการผิดปกติ

เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จำนวนมากไม่มีอาการใด ๆ เลย ดังนั้นการตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำทุกๆ 6-12 เดือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีคู่ครองใหม่

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) พบได้บ่อยกว่าที่คุณคิด เช็คว่าคุณจำเป็นต้องตรวจหรือไม่ โดยไปที่แบบทดสอบของ Play Safe ที่นี่ หรือไปที่ Symptom checker ของ healthdirect ที่นี่

การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอะไรบ้าง

arrow

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนมากรักษาได้ง่ายและรวดเร็ว โดยการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น ๆ

ยาปฏิชีวนะสามารถใช้รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น หนองในเทียม (chlamydia), หนองในแท้ (gonorrhoea) และซิฟิลิส (syphilis) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยาปฏิชีวนะจะรักษาได้เฉพาะการติดเชื้อในปัจจุบันเท่านั้น จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคตและความจำเป็นในการรักษา

คุณสามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้อีกครั้งหลังจากที่คุณและคู่นอนของคุณได้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจนครบถ้วนแล้ว และรออย่างน้อย 7 วันหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น เพื่อให้มั่นใจว่ายาได้ผลและแผลหรืออาการต่าง ๆ หายดีแล้ว

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น เริมที่อวัยวะเพศและหูดหงอนไก่ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดด้วยยาปฏิชีวนะ แต่มีวิธีการรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ เช่น ไข้ อาการคัน หรืออาการเจ็บปวดจากแผลพุพอง ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) และเอชไอวี (HIV) ไม่สามารถรักษาให้หายขาดด้วยยาปฏิชีวนะ แต่มีการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ช่วยควบคุมโรคและส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้นได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา เข้าไปที่ healthdirect.

หากคุณตรวจพบว่าติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) การแจ้งให้คู่นอนของคุณทราบเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พวกเขาเข้ารับการตรวจและรักษา Let Them Know เป็นบริการฟรีที่ช่วยให้คุณสามารถแจ้งเตือนคู่นอนของคุณโดยไม่เปิดเผยตัวตน ผ่านทางข้อความ SMS หรืออีเมล

This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.